Readspread.com

News and Article

ทฤษฎีสมรู้ร่วมคิดทักษิณ-ฮุนเซน ปิดข่าว ชั้น 14 จริงไหม

            ช่วง 2-3 วันนี้เริ่มมีคนพูดถึงการสร้างกระแสสงครามเพื่อปิดข่าวชั้น 14 และคดีอื่นๆ ของทักษิณ รวมทั้งสร้างกระแสให้ฮุนมาเนต มีความนิยมรับช่วงต่อการปกครองประเทศ แต่ในความเห็นส่วนตัวคิดว่าไม่ใช่การสมรู้ร่วมคิดของทักษิณ และ ฮุนเซน  แต่เป็นการกระทำอันโง่เขลาของฮุนเซนเพียงฝ่ายเดียวด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้

*** 1.การสมรู้ร่วมคิดต้องได้ประโยชน์ทั้ง 2 ฝ่าย

            ในกรณีนี้ดูเหมือนว่าฮุนเซนจะได้ประโยชน์เพียงฝ่ายเดียว ในขณะที่รัฐบาลลูกหลานทักษิณกลับยอมประณีประนอมกับทางเขมรอย่างไม่สมเหตุสมผล ทั้งที่น่าจะรู้ว่าการแสดงท่าทีแข็งกร้าวเพื่อรักษาอธิปไตยของชาตินั้น สามารถเรียกคะแนนนิยมจากคนในชาติได้มากขนาดที่สามารถยกเป็นผลงานชิ้นเอกของรัฐบาล และมีผลต่อการเลือกตั้งในสมัยต่อไป จากเหตุการณ์นี้รัฐบาลตระกูลทักษิณไม่สามารถใช้ประโยชน์จากเหตุการณ์นี้ได้ แถมฮุนเซนทำให้รัฐบาลตระกูลทักษิณตกที่นั่งลำบากไปกว่าเดิม ในฐานะรัฐบาลขายชาติ

*** 2.การปลุกกระแสกลบข่าวต้องทำเพียงช่วงระยะเวลาหนึ่ง และสร้างข่าวขึ้นมาเพื่อกลบข่าวอีกที

             ฮุนเซน เริ่มให้ทหารปลุกกระแสข่าวที่ปราสาทตาเมือนธม เมื่อประมาณเดือนก.พ.ที่ผ่านมา และเริ่มทวีความรุนแรงในการรุกรานมากขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตร้อนทั้งกองทัพไทยลุกฮือมาป้องปราม เมื่อถึงจุดนี้เกมการสร้างกระแสข่าวถือว่าทำสำเร็จแล้ว หากต้องการเพียงแค่สร้างกระแสกลบข่าว ฮุนเซน ต้องหยุดและถอยกลับ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นทางเขมรไม่มีทีท่าว่าจะถอยแต่กลับเพิ่มกำลังทหารและสรรพวุธเข้าพื้นที่ จึงแปลความหมายได้ว่าการสร้างกระแสครั้งนี้ฮุนเซนทำเพื่อหวังผลประโยชน์ ปลุกกระแสของตัวเองเพียงฝ่ายเดียวเป็นหลัก

*** 3. สามารถใช้ข่าวอื่นกลบกระแสข่าวชั้น 14 และคาสิโนได้โดยไม่ต้องพึ่งเขมร

            ที่ผ่านมาวิธีการของทักษิณ ในการกลบกระแสข่าวด้านลบของตัวเองคือการให้คนเปิดโปงความผิดของนักการเมืองฝ่ายตรงข้าม ทำให้คนเบี่ยงเบนความสนใจไปที่บุคคลอื่น และทำแบบนี้เป็นระยะๆ จนคนลืมข่าวเก่าถึงค่อยหยุด ตอนนี้ทักษิณก็ยังใช้วิธีนี้อยู่ เช่นความพยายามพุ่งประเด็นไปที่การถือหุ้นธุรกิจของ พีระพันธุ์ รมต.กระทรวงพลังงาน ที่พยายามขัดผลประโยชน์การดีลสัญญากับบริษัทพลังงานแห่งหนึ่ง ที่มีการดีลมาตั้งแต่สมัยรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ แต่ยังไม่ทันได้เป็นกระแส ก็ถูกข่าวของฮุนเซนกลบไปเสียก่อน

*** แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นเวลานี้บอกอะไรกับเรา

            สิ่งที่เกิดขึ้นในเวลานี้ถือว่าเป็นเหตุการณ์ที่ผิดปรกติอย่างมาก อย่างแรกนักการเมืองโดยเฉพาะคนที่เคยผ่านการบริหารประเทศมาก่อนจะรู้ดีว่า เมื่อประเทศถูกรุกรานจากประเทศข้างบ้าน (ไม่ควรเรียกเพื่อนบ้าน) พวกเขาสามารถใช้เหตุการณ์นี้เรียกกระแสความนิยมรักชาติ เรียกคะแนนการเมือง เรียกความรัก ความชอบจากประชาชน ด้วยการแสดงท่าที่อย่างเข้มแข็ง ย้อนกลับไปเมื่อปี 2546 ชาวกัมพูชาเผารูปในหลวง (พระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร) เพราะถูกรัฐบาลปลุกปั่นใส่ความดาราสาว กบ สุวนันท์ หาว่าเธอแสดงความเห็นว่านครวัดเป็นของไทย ซึ่งเธอไม่เคยพูดแบบนั้นออกมา ในขณะนั้น ประเทศไทยมี ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี เวลานั้นทักษิณตอบโต้เขมรด้วยวิธีการดังนี้

1.ทักษิณ ชินวัตร ได้สั่งการให้ลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชาลงเหลือระดับอุปทูต ซึ่งเป็นการลดระดับการทูตต่ำสุด เท่าที่ไทยเคยทำต่อประเทศอื่น และเรียกเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงพนมเปญกลับประเทศทันที เพื่อแสดงความไม่พอใจอย่างรุนแรงต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

2.การเรียกร้องให้กัมพูชารับผิดชอบจากความเสียหายทั้งหมดโดยไม่มีข้อแม้

3.การแสดงท่าทีแข็งกร้าวในการเจรจา ทักษิณได้ต่อว่าและยืนยันถึงความจำเป็นที่กัมพูชาจะต้องรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

4.ปิดด่านชายแดนบางส่วน ส่งผลได้ฮุนเซน ยอมขอโทษและรับปากว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก

            การตัดสินใจของทักษิณในครั้งนั้นได้สร้างกระแสความนิยมในตัวทักษิณเพิ่มขึ้นอย่างมาก และเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้การเลือกตั้งในสมัยต่อมาได้คะแนนเสียงจากประชาชนสูงเป็นประวัติการณ์

  แต่…..ปัจจุบัน รัฐบาลตระกูลชินวัตร กลับแสดงท่าทีอ่อนน้อม เทิดทูน ฮุนเซนเป็นอย่างมาก ซึ่งโดยปรกติแล้วคนเราจะก้มหัวเคารพใคร หรือเกรงใจใครจะต้องมีเหตุผลบางอย่างเช่น มีบุญคุณ หรือ มีผลประโยชน์ให้-มีผลประโยชน์ร่วมกัน หรือ อาจจะเป็นทั้ง 2 อย่างที่กล่าวมา

จากเหตุผลและพฤติกรรมทั้งหมดที่กล่าวมา ความเห็นส่วนตัวของผมให้ข้อสรุปว่า เหตุการณ์ไทย-เขมร 2568 ไม่ใช่ทฤษฎีสมรู้ร่วมคิดเพื่อปิดข่าวของทั้ง ฮุนเซน และทักษิณ แต่เป็นการกระทำที่เห็นแก่ตัว สับปลับหลอกหลวง ไม่รักษาคำพูดของ ฮุนเซน ที่เคยรับปากกับไทยว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์ใช้ไทยเป็นเครื่องมือหาเสียงของตัวเอง เขาสามารถใส่ร้ายผู้หญิงตัวเล็กๆ สร้างประโยชน์แก่ตน เป็นผู้ไม่มีสัจจะอันน่านับถือ และถือตนว่าเป็นผู้มีบุญคุณของทักษิณ

ฮุนเซนจึงรอเวลารุกรานไทย ไม่พลีพลามบุกไทยเหมือนปี 54 ตอนที่นายอภิสิทธ์เป็นนายกตอนนั้นโดนไทยสั่งสอน 5 วัน ทหารเขมรตายเป็นพันคน(เขมรปิดข่าวบอกแค่หลัก 600) ยุทโธปกรณ์เสียหายเกือบทั้งหมด กองทัพเขมรต้องกลับไปเริ่มต้นใหม่ และรอเวลาที่ตระกูลทักษิณได้ปกครองประเทศ ค่อยกลับมาเอาคืนไทยอีกครั้ง ด้วยรู้ว่าตระกูลทักษิณจะไม่กล้าแข็งข้อกับตน เพราะถือว่าเคยช่วยทักษิณหลบหนี ให้ที่พักพิง เคยให้ตำแหน่งที่ปรึกษาเศรษฐกิจ เราจึงเห็นภาพการกลืนไม่เข้าคายไม่ออกของ นายกลูกทักษิณ ทุกอย่างดูอ่อนน้อมเพราะฮุนเซนเคยช่วยเหลือทักษิณเอาไว้หลายครั้ง ทักษิณว่าเหลี่ยมแล้วฮุนเซนเหลี่ยมและมองการณ์ไกลกว่ามาก หลังจากนี้หากเราเห็นท่าทีรัฐบาลแข็งข้อกับเขมรก็แค่รู้ไว้ว่าเป็นการแสดงระดับประเทศก็พออย่าไปคาดหวังอะไรมาก

คนไทยยังโชคดีที่มีจอมทัพอย่าง พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 มีทหารที่พร้อมปกป้องประเทศโดยไม่สนใจภาคการเมือง ไม่อย่างนั้นชาติไทยเราคงล่มสลายเป็นแน่แท้ เพราะนักการเมืองพรรคหนึ่งก็พร้อมจะขายชาติให้พม่า อีกพรรคหนึ่งก็พร้อมขายชาติให้เขมร

About Post Author

เขียนความคิดเห็น

Copyright © Readspread.com ติดต่อฝ่ายข่าว Tel.089-922-7859 Email/[email protected] | Newsphere by AF themes.