Readspread.com

News and Article

การกลับมาของทรัมป์ ไทยควรยืนอยู่ในจุดใด

เห็นใครๆ ก็เกลียดทรัมป์ (Donald John Trump) ว่าขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีสหรัฐแล้วจะสร้างความวุ่นวาย ชอบเหยียดเชื้อชาติ กีดกันการค้า แต่หากเราเป็นชาวอเมริกัน เชื่อว่าส่วนใหญ่ก็คงเลือกทรัมป์ เพราะทุกอย่างเขาทำเพื่อเศรษฐกิจประเทศตัวเอง ลองเทียบกับไทยเวลานี้ที่เราประสบปัญหาจาก ชาวต่างชาติที่เข้ามาสร้างปัญหาในบ้านเรา ในขณะที่รัฐบาลกลับเพิกเฉยต่อการค้าและความเป็นอยู่ของคนในประเทศไทยอย่างมาก นโยบายผลักดันต่างด้าวออกนอกประเทศคงจะถูกใจใครหลายคนไม่น้อย
Donald John Trump

Donald Trump / Credit: AFP


การมาของทรัมป์ในแง่เศรษฐกิจ หลายสำนักมองว่านโยบายของทรัมป์จะทำให้การเติบโตเศรษฐกิจจีน และไทยหดตัวลง จากนโยบายภาษีและการกีดกันทางการค้า ซึ่งไทยก็เป็นหนึ่งในรายชื่อที่ได้รับผลกระทบนี้ด้วย แต่ส่วนตัวผมมองว่าตอนนี้เราได้ของเข้าร่วมกลุ่มเศรษฐกิจ BRICS เป็นกลุ่มขั้วอำนาจทางการค้าใหม่ ไม่เน้นการพึ่งพายุโรปและสหรัฐ ดังนั้นผลกระทบจะไม่รุนแรงอย่างที่หลายคนคาดการณ์ไว้ ในขณะที่เศรษฐกิจของสหรัฐเองจะมีการเติบโตขึ้นอย่างมากและมีตัวเลขอัตราการว่างงานลดลงเป็นประวัติการณ์อย่างแน่นอน เพราะทรัมป์จะเน้นการสร้างงาน สร้างรายได้ ให้กับคนในชาติมากกว่า

ส่วนปัญหาสงคราม ยูเครนอาจได้รับผลกระทบมากที่สุด เพราะทรัมป์เคยประกาศไว้ว่าไม่สนับสนุนเงินช่วยเหลือสงครามให้ยูเครน และมีแนวโน้มจะถอนตัวจากกลุ่มนาโต้ เพราะมีการใช้เงินในการทหารเกินกว่าร้อยละ 2 ของ GDP ทั้งประเทศ แต่กับอิสราเอลนั้นเป็นอีกเรื่อง เพราะเรื่องเชื้อสายของทรัมป์เราก็รู้กันดีกว่ามีเชื้อสายชนชาติใด ไม่แปลกที่ทรัมป์จะสนับสนุนอิสราเอลในการทำสงครามกับอิหร่าน และยกระดับสงครามให้มีความรุนแรงและจบลงอย่างรวดเร็วกว่าทึ่คิด

จากเดิมหลายคนคิดว่าสงครามโลกจะน่าจะเริ่มที่ยูเครน แต่ความจริงแล้วอาจเริ่มที่อิสราเอลและอิหร่าน ในขณะที่ยูเครนนั้นได้กลายเป็นสนามซ้อมรบของรัสเซีย และเกาหลีเหนือ ส่วนจีนได้เพิ่มความถี่ในการฝึกทหารซ้อมรบอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะการรบขึ้นฝั่ง และการรบทางทะเลที่มีแนวโน้มจะปะทะกับอเมริกา และญี่ปุ่น โดยมีเกาะไต้หวันเป็นพื้นที่สนามรบ และสงครามตัวแทนของกลุ่มนาโต้ตอนนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าใครจะยั่วยุให้อีกฝ่ายเปิดฉากยิงได้ก่อน ก็จะได้สิทธิ์การทำสงครามด้วยความชอบธรรม

ส่วนไทยเราเองได้ถูกตัดงบประมาณทางการทหารอย่างต่อเนื่อง และเน้นไปที่การพัฒนาผลิตอาวุธประเทศ แม้จะด้อยกว่าแต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีน้ำยาตอบโต้ผู้รุกราน สิ่งที่ไทยทำได้ในเวลานี้คือนโยบายการค้าที่แสดงจุดยืนความเป็นกลางไม่เอนเอียงไปทางฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมากเกินไป โดยเฉพาะนโยบายการนำเข้าสินค้าบางประเภทที่ต้องให้สิทธิ์กับทางสหรัฐและญี่ปุ่นเพิ่มมากขึ้น ส่วนนโยบายด้านพลังงานก็อาจจะหันไปใช้ทางกลุ่ม BRICS (หากมี) ที่มีราคาถูกกว่า เพื่อรักษาความเป็นกลางและผลประโยชน์ของประเทศเป็นหลัก

ในขณะที่การทหารควรเน้นไปที่ การร่วมซ้อมรบทั้งสหรัฐและจีน เพื่อแสดงจุดยืนความเป็นกลางทางการทหารไว้ และทำให้รู้เขา รู้เรา เพื่อประโยชน์ในวันข้างหน้า ซึ่งเราอาจจะไม่สามารถรักษาจุดยืนความเป็นกลางเอาไว้ได้

About Post Author

เขียนความคิดเห็น

Copyright © Readspread.com ติดต่อฝ่ายข่าว Tel.089-922-7859 Email/[email protected] | Newsphere by AF themes.