Readspread.com

News and Article

มือปืนวัย 14 เด็กรุ่นสุดท้ายของ Gen Z เจเนอเรชั่นที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา และมีปัญหาด้านจิตเวชมากที่สุด

เด็กอายุ 14 ที่ถือปืนไล่ยิงคนในห้างพารากอน น่าจะเป็นเด็กที่เกิดประมาณปี 2552 ปีสุดท้ายของ Gen Z (2543 - 2552) เจเนอเรชั่นที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา และมีปัญหาด้านจิตเวชมากที่สุด เพราะเป็นเด็กรุ่นแรกที่เติบโตมากับเทคโนโลยีมือถือ คอมพิวเตอร์ การเสพติดหน้าจอ เป็นลูกของ GEN X และ GEN Y ตอนต้น บางสำนักวิจัยให้ถึงรุ่นเบบี้บูมเมอร์ตอนปลาย

คำกล่าวที่ดูรุนแรงนี้ ผมไม่ได้กล่าวเกินจริงเพราะมีงานวิจัย ในหลายประเทศ หลายฉบับออกมายืนยันตรงกันว่า เด็กที่เกิดในช่วง GEN Z มีปัญหาด้านสุขภาพจิต และภาวะบกพร่องทางสติปัญญา มากกว่าคนรุ่นก่อนอย่างมีนัยสำคัญ สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ตามลิงก์ที่ผมแนบไว้ด้านล่าง

ดังนั้นผมจึงไม่แปลกใจเลยว่า ทำไมเด็กที่เรียนในระดับมัธยมและมหาวิทยาลัยในปัจจุบัน บางส่วน (ไม่ใช่ทั้งหมด) ถึงมี Mindset ที่แปลกประหลาด ตรรกะที่บิดเบี้ยว เอาตัวเองเป็นศูนย์กลางและไม่รับฟังใคร พูดจาไม่รู้เรื่อง ตีความหมายในประโยคคำสั่งง่ายๆ ยังผิด ไม่สามารถอ่านจับใจความได้ ไม่ชอบอ่านหนังสือ ทักษะการใช้ภาษา ทั้งการพูด อ่าน เขียน ถดถอยลง เอาแต่ใจตัวเอง ไม่ฟังคำเตือนและเสียงของผู้อื่น

ในรายงานเกือบทุกฉบับ มีการอ้างอิงถึงหนึ่งในสาเหตุว่ามาจากการใช้ชีวิตติดหน้าจอของ GEN Z ซึ่งส่งผลสุขภาพเรื่องสายตาสั้น น้ำหนักเกิน มีไอคิวที่ลดลง ความอดทนต่ำ สติปัญญาถดถอยอย่างเห็นได้ชัด

ถามว่าเด็ก GEN Z ไม่มีดีเลยหรือ ในงานวิจัยก็ได้บอกข้อดีเอาไว้เช่นกัน อย่างแรกเด็กเจนนี้ เริ่มไม่ติดเหล้า ติดบุหรี่เหมือน GEN Y แต่ความเห็นแก่ตัวยังเท่า GEN Y อยู่ มีทักษะในการใช้เทคโนโลยีสูง มีทักษะที่หลากหลาย รักอิสระ ไม่ชอบทำงานในองค์กรที่มีกฎระเบียบ จึงสนใจทำงานที่เป็นนายตัวเองไม่ผูกมัดกับเจ้านายหรือองค์กรใดๆ บางคนชอบทำงานเพื่อสังคม มองโลกเป็นหนึ่งเดียวกัน ไม่มีเรื่องของพรมแดน ศาสนา และภาษา เป็นสิ่งขวางกั้น

ถามว่า เด็ก GEN Z มีอาการทางจิต หรือความบกพร่องทางสติปัญญาทุกคนไหม ตอบว่าไม่ทุกคน ปรกติก็มีเท่าที่อ่านงานวิจัยหลายฉบับ ผมให้สัดส่วนคนปรกติอยู่ที่ประมาณ 60-70 เปอร์เซ็นต์ ส่วนคนผิดปรกติจะอยู่ที่ 30-40 เปอร์เซ็นต์ เรียกง่ายๆ เด็ก 10 คน จะมีเด็กGEN Z 3-4 คนที่มีปัญหาสุขภาพจิต หรือไม่ก็บกพร่องทางสติปัญญา แต่ว่าสัดส่วนของเด็ก ในแต่ละประเทศก็มีจำนวนเด็กที่มีปัญหาไม่เท่ากันอีก

อย่างการสำรวจความสุขของเด็ก GEN Z ประเทศที่เค้าว่าเจริญแล้วหรือมีความเจริญทางวัตถุสูง อย่าง ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ จะพบว่าเด็ก GEN Z มีความสุขเฉลี่ยประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ ส่วนอังกฤษ กับ อเมริกา เด็กมีความสุขเฉลี่ยเพียง 60 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่เด็ก GEN Z มีความสุขมากที่สุดกลับไปอยู่ที่อินโดนิเซียสูงถึง 90 เปอร์เซ็นต์ แสดงว่าประเทศที่มีความเจริญทางวัตถุสูง มีรายได้สูง ไม่ได้หมายความว่าอยู่แล้วจะทำให้เรามีความสุข เสมอไป ในขณะที่ประเทศกำลังพัฒนาการแข่งขันไม่สูงมาก ผู้คนได้ใช้ชีวิตอย่างที่มนุษย์ควรจะเป็น กลับทำให้มีความสุขมากกว่า และยิ่งเด็กมีความสุขมากเท่าไหร่ ปัญหาสุขภาพจิตของพวกเขาก็น้อยลงเท่านั้น ในรายละเอียดการสำรวจความสุขของคน GEN Z ระบุว่าสิ่งที่ทำให้พวกเขาไม่มีความสุขมากที่สุดคือ ปัญหาเรื่องเงิน รองลงมาคือความมั่นคงในชีวิต โรงเรียน และโซเซียลมีเดีย

ในแนวทางแก้ไข เราคงทำอะไรไม่ได้มาก นอกจากต้องสอนเด็กเจนต่อไปก็คือ Gen Alpha หรือเด็กที่เกิดตั้งแต่ปี 2553 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งเป็นเด็กที่นักวิจัยคาดการณ์กันว่า จะเป็นเจเนอเรชั่นที่มีความฉลาดทางไอคิว และ อีคิว รวมทั้งทักษะด้านเทคโนโลยีดีที่สุดตั้งแต่มีการนับเจเนอเรชั่นกันมา สอนพวกเขาไม่ให้ผิดพลาดเหมือนเด็ก GEN Z รวมทั้งการสอนให้อยู่ห่างจากรุ่นพี่ GEN Z เพื่อป้องกันการถูกชักจูงไปในทางที่ไม่ดี เพราะเราไม่รู้เลยว่ารุ่นพี่ GEN Z ของพวกเขานั้นเป็นคนที่มีปัญหาสุขภาพจิต หรือบกพร่องทางปัญญาหรือไม่ ช่วยกันดูแลไม่ให้พวกเขาเป็นเด็กติดจอ และชี้ให้เห็นว่าอะไรคือสิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำ ผ่านความผิดพลาดของ GEN Z และ GEN Y บางส่วน (ไม่ใช่พวกเขาทั้งหมด ที่ดีๆ ก็พอมีอยู่ ไม่ควรเหมารวม) หรือที่เราเรียกทั้งสองเจนนี้ว่า GEN ME ที่กำลังสร้างปัญหาให้กับสังคมโลกในเวลานี้

https://en.wikipedia.org/wiki/Generation_Z
www.sciencedaily.com/releases/2019/03/190315110908.htm
www.economist.com/graphic-detail/2019/02/27/generation-z-is-stressed-depressed-and-exam-obsessed
https://journals.sagepub.com/doi/10.1177/0004867420924101
https://www.sciencedirect.com/science/article/abs/pii/S0891422210003082

About Post Author

เขียนความคิดเห็น

Copyright © Readspread.com ติดต่อฝ่ายข่าว Tel.089-922-7859 Email/[email protected] | Newsphere by AF themes.