ประกัน 2+ กับ ประกัน 3+ ซื้อแบบไหนดีกว่ากัน
ประกันชั้น 2+ และ ชั้น 3+ มีความแตกต่างจากประกันชั้น 2 และ 3 ทั่วไปตรงที่หากเกิดอุบัติเหตุในลักษณะรถชนรถ บริษัทประกันจะรับผิดชอบเรื่องค่าซ่อมรถให้ฝ่ายเราด้วยไม่ว่าเราจะเป็นฝ่ายถูกหรือผิดก็ตาม ซึ่งในจุดนี้นับว่าเป็นข้อดีเหมือนกับการทำประกันชั้นหนึ่ง
แต่สิ่งที่ 3+ จะไม่มีให้เหมือนประกันชั้น 2+ ก็คือการรับประกันเรื่องการโจรกรรม ไฟไหม้ สูญหาย และค่าเบี้ยประกันถูกกว่าชั้น 2+ เพียงเล็กน้อย
โดยเฉลี่ยค่าเบี้ยประกัน 2+ จะอยู่ที่ประมาณ 6500-7500 บาท ส่วน 3+ จะอยู่ที่ 5500-6500 บาท ซึ่งเป็นค่าเบี้ยโดยที่ผู้ซื้อประกัน หากประสบอุบัติเหตุและต้องการนำรถเข้าซ่อมที่อู่ จะไม่ต้องเสียค่าเสียหายส่วนแรก 2000 บาท
แต่ถ้าเราคิดว่ารถคันนั้นเป็นรถคันเก่า ใช้แค่ขับไปทำธุระ ซื้อของแถวบ้าน วิ่งน้อย ไม่ได้ใช้งานประจำ ก็อาจจะเลือกซื้อประกันในรูปแบบที่ต้องเสียค่าเสียหายส่วนแรกหากต้องการนำรถเข้าซ่อมได้ ในจุดนี้ผู้ซื้อประกันก็จะได้ค่าเบี้ยถูกลงอีกประมาณ 1000 บาท เท่ากับว่าถ้าคุณซื้อประกันชั้น 3+ จากที่ต้องเสียประมาณ 6500 บาทก็จะเหลือเพียงแค่ 5500 บาท
คำแนะนำของเรา
ในการเลือกซื้อประกันสำหรับรถที่มีอายุเกิน 10 ปี ถ้าคุณยังใช้งานรถคันนั้นเป็นรถใช้งานหลัก เป็นรถคันเดียวของครอบครัว ต้องใช้ไปทำงาน รับส่งคนในครอบครัวทุกวัน เป็นระยะทางไปกลับไม่น้อยกว่า 30 กิโลเมตร แนะนำให้ซื้อประกันชั้น 2+ ที่มีการคุ้มครองใกล้เคียงกับประกันชั้น 1 มากที่สุดเพียงแต่คุ้มครองเฉพาะ อุบัติเหตุรถชนรถเท่านั้น แต่ก็ครอบคลุมความเสี่ยงมากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์
แต่ถ้ารถที่คุณกำลังทำประกันอยู่นั้นเป็นรถสำรอง รถคันที่สองของบ้าน เป็นรถเก่าตกรุ่น ที่ใช้แค่ทำธุระซื้อของจ่ายตลาดวิ่งระยะทางใกล้ๆ วิ่งทางไกลในบางครั้ง ไม่ใช่รถติดแก็ส ประกันชั้น 3+ ราคาประมาณ 6500 บาท น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีในการประหยัดต้นทุนค่าประกันรถ และถ้าคุณเป็นคนที่ขับรถไม่เร็ว ไม่ใช่สายซิ่ง เน้นขับปลอดภัย ไม่มีประวัติการเฉี่ยวชนในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ประกันชั้น3+ แบบเสียค่าเสียหายส่วนแรก จะเป็นทางเลือกให้คุณลดค่าใช้จ่ายลงได้อีกอย่างน้อย 1000 บาทเหลือเพียง 5500 บาท (ราคาโดยประมาณ) อย่างไรก็ดีกรมธรรมประกันภัยแต่ละบริษัทไม่เท่ากัน ควรเช็คหลายๆ เจ้าก่อนตัดสินใจเลือกซื้อ