Don’t look up การไม่ยอมรับปัญหาของคนรุ่นใหม่
![Don't look u](https://www.readspread.com/wp-content/uploads/2022/01/011-1024x576.jpg)
ยกตัวอย่าง “ผมเป็นผู้บริหาร เรื่องศัตรูหรือคนที่รู้สึกไม่ชอบหน้าตัดไปได้เลย นั่นเป็นปัญหาเฉพาะพนักงานระดับล่าง แต่เป็นเพราะมีการเปลี่ยนแปลงบอร์ดบริหาร เลยตัดสินใจลาออก เพราะรู้สึกว่าทำงานกับคนนี้ไม่ได้ แต่เราไม่ได้มีปัญหากันนะ แค่รู้สึกว่าทำงานร่วมกันไม่ได้” คำถามคือแล้วความรู้สึกที่ทำงานร่วมกันไม่ได้ จนเราอยากลาออกมันคือปัญหาหรีอเปล่า หรือ “หนูไม่ได้มีปัญหากับแฟนค่ะ เขาแค่แอบมีคนอื่นแต่เขาก็ดูแลหนูดี เลยไม่ได้รู้สึกว่ามีปัญหาเพราะอย่างน้อยเขาก็รับผิดชอบหนูอยู่” ถ้าผมเอาประโยคนี้ไปพูดกับชาวทุ่งลาเวนเดอร์ คำตอบที่น่าจะได้ยินคือ “ทุกอย่างขึ้นอยู่กับมุมมอง ถ้ามองว่าไม่ใช่ปัญหามันก็ไม่ใช่ปัญหา” ว้าว.. ได้ยินแล้วถึงกับหนาวเพราะมันเป็นคำโครตคูล
การมองโลกในแง่ดีหรือมองในมุมบวกคือสิ่งที่ดี แต่การมองโลกในแง่ดีมากเกินไป เน้นและย้ำอีกครั้งว่าถ้ามากเกินไป จะนำมาซึ่งการหลอกตัวเองทั้งที่เรากำลังเจอกับปัญหาใหญ่มากๆ ในชีวิต และปัญหานั้นต้องได้รับการแก้ไขทางใดทางหนึ่ง ไม่ใช่พยายามหาคำพูดหรือประโยคสวยหรูมาปลอบใจตัวเอง แล้วใช้ชีวิตอยู่กับปัญหานั้นหรือเดินหนีปัญหาออกมาโดยไม่ยอมรับและคิดจะแก้ไข คล้ายกับผู้บริหารที่บอกว่าเราไม่ได้เจอปัญหาน้ำท่วมเขาเรียกน้ำขังรอการระบาย ไม่พบหวยเกินราคา ไม่ได้มีโรคระบาดในหมู
พอปัญหาเล็กกลายเป็นปัญหาใหญ่ขึ้นมาคนที่แก้ไม่ใช่ผู้บริหาร แต่เป็นลูกน้องระดับล่างที่คอยตามล้างตามเช็ด เหนื่อยกับปัญหาที่ผู้บริหารสร้างภาพว่าตัวเองไม่ผิด ไม่ได้มีปัญหาอะไรในระหว่างที่เขาทำงานเอาไว้ โปรไฟล์ขาวสะอาด มีแต่ผลงานที่คนอื่นชื่นชม ระหว่างที่ผมทำงานอยู่ไม่มีปัญหาอะไรเลย
ปัญหา ก็คือ ปัญหา ต่อให้เราพยายามกลบฝังยังไงปัญหาก็ยังคงอยู่ เหมือนกับรายการข่าวในเรื่องนี้ที่พยายามเล่าข่าวร้ายให้กลายเป็นเรื่องตลก เพราะเราต้องมองโลกในแง่บวกเข้าไว้ จนคนดูสบถในใจว่า “บวกพร่อง” อุกกาบาตใหญ่เท่าเอเวอร์เรสจะชนตายทั้งโลกอยู่แล้ว ยังมาหาคำพูดสวยหรูให้ดูซอฟท์แถมทำท่ารังเกียจปัญหาแล้วจัดให้อยู่ในหมวดหมู่ทัศนคติแง่ลบเอาออกไปให้พ้นๆเสียอย่างนั้น มองปัญหาในมุมบวกคือดี แต่ให้ดีกว่าคือต้องยอมรับว่ามีปัญหาแล้วแก้ไขมันซะ ไม่ใช่กลบเกลื่อน หลอกกระทั่งความรู้สึกของตัวเอง