Medeze จัดเสวนาหัวข้อ “BIOlongevity” พร้อมเปิดตัวภาพยนตร์ไวรัลชุดใหม่ “เลือกพรุ่งนี้ที่ดีกว่า”

โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อแบ่งปันองค์ความรู้ และเปิดมุมมองให้องค์กร สังคมโดยรวม และคนไทย ก้าวทันไปกับปรากฏการณ์การเปลี่ยนแปลงด้านสุขภาพครั้งยิ่งใหญ่ ทั้งในปัจุบันและที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต โดยที่นวัตกรรมและความก้าวหน้าด้านสเต็มเซลล์จะเข้ามาเป็นมากกว่า ‘ทางเลือก’ ในการฟื้นฟูสภาวะความเสื่อมของร่างกายมนุษย์ และจะมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการมอบชีวิตที่ยืนยาวที่มีสุขภาพดีให้แก่ผู้คน
โดยทีมผู้บริหารจากบริษัท เมดีซ กรุ๊ป จำกัด นพ.วีรพล เขมะรังสรรค์ ประธานกรรมการบริหาร แพทย์ชาวไทยเพียงหนึ่งเดียวที่ได้รับเกียรตินิยมในสาขาการจัดตั้งธนาคารฝากเก็บเนื้อเยื่อและการปลูกถ่ายเนื้อเยื่อ จากมหาวิทยาลัยเเห่งชาติสิงคโปร์ ร่วมด้วย รศ. ดร. รังสรรค์ พาลพ่าย ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานที่ปรึกษา เจ้าของรางวัลนักวิจัยดีเด่นแห่งชาติปี 2564 จากผลงาน วิจัย “โคลนนิ่งสัตว์” และ ดร.ฌีวาตรา ตาลชัย กรรมการอิสระ เจ้าของรางวัลนักวิจัยรุ่นใหม่ดีเด่น จากสมาคมต่อมไร้ท่อแห่งสหรัฐอเมริกา โดยงานเสวนาจัดขึ้น ณ ห้องแถลงข่าว GlowFish Sathorn ถนนสาทรเหนือ กรุงเทพฯ
พร้อมเปิดตัวไวรัลคลิปชุดใหม่ภายใต้คอนเซปต์ “เลือกพรุ่งนี้ ที่ดีกว่า” (Live A Better Tomorrow) ออกอากาศทางสื่อออนไลน์ทั่วประเทศแล้วตั้งแต่วันนี้ เพื่อตอกย้ำภาพลักษณ์และศักยภาพอันแข็งแกร่งของเมดีซ กรุ๊ป ในการมุ่งพัฒนาอุตสาหกรรมสเต็มเซลล์ของไทยให้ก้าวไกลสู่ระดับเวิลด์คลาสอย่างเป็นรูปธรรม
นพ.วีรพล กล่าวว่า “ปัจจุบันผู้คนกำลังประสบปัญหาอย่างหนัก จากวิกฤติด้านสุขภาวะที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม มลพิษ จำนวนประชากรสูงอายุที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไปจนถึงสถานการณ์ระบาดของโรคโควิด – 19 ที่ส่งผลกระทบมายาวนานมากกว่า 2 ปี ในฐานะ “แบรนด์แรก และแบรนด์เดียวในอาเซียนที่มีความเชี่ยวชาญระดับ State -of – the – Art BIOlongevity’ ที่ครบวงจรที่สุด โดยใช้ “BIOlongevity” วิทยาการด้านการแพทย์ที่จะช่วยปูทางไปสู่การมีอายุขัยถึง 120 ปีได้ของมนุษย์ โดยเป็นการผสมคำระหว่างคำว่า ‘BIO’ ซึ่งหมายถึงชีวภาพ คือสิ่งที่เกี่ยวกับการมีชีวิตอยู่ของเรา บวกกับคำว่า “Longevity” ซึ่งแปลว่าความยืนยาวหรือการมีอายุยืนนั่นเอง
“เราใช้สิ่งที่เรียกว่า “สเต็มเซลล์” หรือ เซลล์ต้นกำเนิด ที่มีคุณสมบัติพิเศษและแตกต่างจากเซลล์ทั่วไปอยู่ 3 ประการ คือ 1) เป็นเซลล์ที่ยังไม่มีหน้าที่จำเพาะใดๆ 2) เป็นเซลล์ที่แบ่งตัวเพิ่มจำนวนขึ้นได้อย่างไม่จำกัด และ 3) สามารถพัฒนาไปเป็นเซลล์ชนิดต่างๆ ได้เกือบทุกชนิดในร่างกาย เช่น เซลล์ผิวหนัง เซลล์สมอง เซลล์กล้ามเนื้อ เซลล์เม็ดเลือด ฯลฯ ในปัจจุบัน จึงมีการเก็บสเต็มเซลล์แช่แข็งเอาไว้ เพื่อใช้ในอนาคตหากจำเป็น โดยในการเก็บสเต็มเซลล์ เราสามารถเก็บได้ทั้งจากเด็กแรกเกิด คือจากเลือดในสายสะดือและเนื้อเยื่อสายสะดือ และจากผู้ใหญ่ทุกอายุ คือจากเนื้อเยื่อไขมันหรือไขกระดูก ทั้งนี้ ความก้าวหน้าในด้านวิจัย และพัฒนาด้านสเต็มเซลล์
ในปัจจุบันวิทยาการนี้ได้รุดหน้าไปไกลอย่างรวดเร็ว นวัตกรรมและองค์ความรู้ใหม่ๆ ในการประยุกต์ใช้สเต็มเซลล์เพื่อรองรับการรักษาให้สัมฤทธิ์ผลได้จริง เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา โดยหนึ่งในศาสตร์ที่ได้รับการยอมรับและเริ่มมีการใช้งานในวงกว้างมากขึ้นได้แก่ เวชศาสตร์ฟื้นฟูสภาวะเสื่อม (Regenerative Medicine) ซึ่งเน้นการใช้งานเซลล์ต้นกำเนิดที่มีคุณสมบัติในการแบ่งเซลล์ และเปลี่ยนแปลงไปทดแทนเนื้อเยื่อต่างๆ ที่เสื่อมลงของร่างกายเมื่อคนเรามีอายุมากขึ้น เช่น ข้อเข่าหรือข้อสะโพกเสื่อม
รวมถึงการเสริมความอ่อนเยาว์ให้กับร่างกาย เช่น การลดริ้วรอยของผิวพรรณ การสร้างเส้นผมใหม่ ไปจนถึงการเพิ่มจำนวนเซลล์ป้องกัน อย่างเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิด NK Cell (Natural Killer Cell) ซึ่งมีหน้าที่สำคัญในการทำลายเซลล์ที่ติดเชื้อไวรัสและเซลล์มะเร็ง
ซึ่งวิทยาการเหล่านี้ เมื่อได้รับแรงส่งจาก ‘BIOlongevity Technology’ ที่ล้ำหน้าที่สุดจากเมดีซ กรุ๊ป อันประกอบด้วย ทีมนักวิทยาศาสตร์และบุคลากรผู้ทรงคุณวุฒิ กระบวนการตรวจสอบคุณภาพเซลล์อันเข้มงวด ฝ่ายวิจัยและพัฒนาอันแข็งแกร่ง เครือข่ายแพทย์ นักวิจัยและบุคลากรชั้นนำในวงการเทคโนโลยีชีวภาพ (Biotechnology) ไปจนถึงห้องปฏิบัติการปลอดเชื้อระดับคลีนรูมคลาส 100 ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พรั่งพร้อมด้วยอุปกรณ์และเทคโนโลยีอันทันสมัยที่สุดในวงการธนาคารจัดเก็บสเต็มเซลล์
เมดีซ กรุ๊ป จึงมั่นใจว่าภารกิจในการสร้างชีวิตที่ยืนยาวหรือ Longevity ให้กับผู้คน จะไม่เป็นเพียง ‘ความหวัง’ ในอนาคตอีกต่อไป แต่จะสามารถเป็น ‘อีกทางเลือก’ ที่ทุกคนสามารถมีได้ เพื่อยืดเวลาแห่งความสุขในการใช้ชีวิตอยู่กับคนที่เรารัก และเพื่อสานต่อความฝันต่างๆ ที่ยังอยากทำต่อไปให้สำเร็จเป็นจริงได้”

รศ.ดร.รังสรรค์ กล่าวเสริมว่า “ในส่วนของนวัตกรรมและความก้าวหน้าของงานวิจัย สเต็มเซลล์ ในประเทศไทยถือได้ว่าเราไม่เป็นสองรองใครในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยบริษัท เมดีซ กรุ๊ป ถือเป็นสถาบันผู้บุกเบิกเรื่องเทคโนโลยีชีวภาพในประเทศไทย โดยมุ่งเน้นในด้านนวัตกรรมด้านการฝากเก็บ คัดแยกและเพาะเลี้ยงสเต็มเซลล์แบบครบวงจร และเปิดให้บริการมากว่า 12 ปี นอกจากนี้ เมดีซ ยังเป็นบริษัทแรกในโลกที่ให้บริการเชิงพาณิชย์ในด้านการตรวจทดสอบศักยภาพของเซลล์เม็ดเลือดขาว เพื่อดูความแข็งแรงและความสามารถในการฆ่ามะเร็ง ในด้านวิจัยและพัฒนา เมดีซมีความแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่งด้วยศูนย์ R&D ที่มุ่งเน้นการพัฒนาอย่างไม่สิ้นสุด
เพื่อให้ได้มาซึ่งองค์ความรู้ใหม่ที่จะสามารถนำไปประยุกต์และพัฒนาการบริการใหม่อันมีนวัตกรรมที่ล้ำหน้าสูงสุดอยู่เสมอ โดยในปัจจุบัน เมดีซ มีการพัฒนาโครงการต่างๆ ร่วมกับหน่วยงานชั้นนำระดับประเทศมากมายเพื่อต่อยอดการใช้งานสเต็มเซลล์ในวงการแพทย์ไทย อาทิ การสร้างกระจกตาเทียมจากสเต็มเซลล์ของมนุษย์ ลงบนโครงสร้างคอลลาเจน
โดยทดลองร่วมกับคณะสัตวแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย การเพิ่มความจำเพาะของ NK Cell ผ่านการดัดแปลงตัวรับของเซลล์ ร่วมกับสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ การพัฒนานวัตกรรมการเลี้ยงเซลล์รากผมและจัดเก็บเซลล์ในระยะยาวสำหรับคนผมบาง และการนำเซลล์ที่จัดเก็บไปใช้ในคนจริงๆ เช่น นำเซลล์ไขมันที่จัดเก็บไปใช้รักษาภาวะข้อเข่าเสื่อม โดยร่วมมือกับโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าฯ เป็นต้น จะเห็นได้ว่าการต่อยอดงานวิจัยด้านสเต็มเซลล์เหล่านี้เป็นการตอกย้ำความก้าวหน้าในด้าน ‘BIOlongevity’ ของเมดีซ กรุ๊ป ในการมอบชีวิตที่ยืนยาวแก่ทุกคนให้เป็นจริงได้ในอนาคต”
ด้าน ดร.ฌีวาตรา กล่างเสริมอีกว่า “เราพิถีพิถันในทุกรายละเอียด จนได้รับรางวัลการันตีคุณภาพจากเวทีระดับสากล อาทิ รางวัลยอดเยี่ยมต่อเนื่องถึง 4 ปีซ้อนจาก Frost & Sullivan ในฐานะธนาคารสเต็มเซลล์ที่ดีที่สุดของประเทศไทย (Thailand’s Stem Cell Banking Company of the Year) รางวัล World Branding Awards โดย World Branding Forum รางวัลระดับอนุภูมิภาค South East Asia Stem Cell Banking Technology Innovation Leadership Award
ล่าสุด เรายังได้รับการรับรองมาตรฐานระดับโลกเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งสถาบัน นั่นคือ The American Association of Blood Banks (AABB) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ให้การรับรองและกำหนดมาตรฐานแนวทางการดำเนินงานของธนาคารสเต็มเซลล์ที่เข้มงวดที่สุดในโลก โดยเป็นมาตรฐานคุณภาพที่ครอบคลุมกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับเลือดจากสายสะดือทั้งกระบวนการดำเนินการ ตั้งแต่การจัดเก็บในระยะยาว ไปจนถึงการกระจายขนส่งเพื่อรองรับการรักษาให้กับผู้ป่วยในทั่วโลก”
ภายในงาน เมดีซ กรุ๊ป ยังได้เปิดตัวภาพยนต์ไวรัลชุดใหม่ที่สร้างสรรค์ขึ้นภายใต้คอนเซปต์ “ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการมี ‘ทางเลือก’ ของผู้คนในการมีสุขภาพที่ดีและชีวิตที่ยืนยาวขึ้น เพื่อสานต่อความฝันและภารกิจต่างๆ ในชีวิตที่ยังอยากทำให้สำเร็จเป็นจริงได้ โดยภาพยนตร์ไวรัลชุดใหม่ดังกล่าว จะเริ่มออกอากาศทางสื่อออนไลน์ทั่วประเทศตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โดยสามารถรับชมวิดีโอได้ที่ https://youtu.be/WLE0kFM6VwY
เกี่ยวกับบริษัท เมดีซ กรุ๊ป จำกัด
บริษัท เมดีซ กรุ๊ป จำกัด ผู้นำระดับโลกด้านสถาบันการฝากเก็บ คัดแยก เพาะเลี้ยง และวิจัยเซลล์ต้นกำเนิดจากเลือดสายสะดือ เนื้อเยื่อ สายสะดือ และเนื้อเยื่อไขมัน แบบครบวงจร เราเป็นธนาคารฝากเก็บเซลล์ต้นกำเนิดมีเซนไคม์ที่ใหญ่ที่สุดและมีประสบการณ์มากที่สุดในประเทศไทย นอกจากนี้ เรายังเป็นบริษัทแห่งแรกของโลกที่มอบบริการการตรวจวัดผลการทำงานของ NK Cell และการเพาะเลี้ยงเพิ่มจำนวน NK Cell ด้วยวิธีการ Osaki Method ซึ่งเป็นสิทธิบัตรของประเทศญี่ปุ่น เราใช้ทักษะ ความเชี่ยวชาญ และนวัตกรรม เพื่อมอบบริการด้านการแพทย์ที่ก้าวล้ำที่สุด พร้อมด้วยทีมวิจัยและพัฒนา เพื่อต่อยอดการรักษาสภาวะเสื่อม รวมถึงสิทธิบัตรของเทคโนโลยีการเพาะเลี้ยงเพิ่มจำนวนสู่การรองรับการใช้เซลล์ต้นกำเนิดแบบไร้ขีดจำกัด เพื่อผลลัทธ์ทางการแพทย์ที่ดียิ่งขึ้น
เราได้รับรางวัลการันตีคุณภาพมาตรฐานระดับโลกมากมาย อาทิ รางวัลธนาคารสเต็มเซลล์ที่ดีที่สุดของประเทศไทยต่อเนื่องถึง 4 ปีซ้อนจาก Frost & Sullivan รางวัล World Branding Awards จาก World Branding Forum และล่าสุด เรายังได้รับการรับรองมาตรฐานระดับโลกจาก American Association of Blood Banks (AABB) โดยครอบคลุมกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับเลือดจากสายสะดือทั้งกระบวนการดำเนินการ ตั้งแต่การจัดเก็บในระยะยาว ไปจนถึงการกระจายขนส่งเพื่อรองรับการรักษาให้กับผู้ป่วยในทั่วโลก ปัจจุบัน เมดีซ กรุ๊ป มีสาขาอยู่ในประเทศต่างๆ ทั่วภูมิภาค อาทิ เวียดนาม เมียนมาร์ สิงคโปร์ กัมพูชา อินโดนีเซีย รวมถึงไต้หวัน โดยมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ ในประเทศไทย