ศัตรูของศัตรูคือมิตรแห่งเรา 01 (มุมมองสหรัฐอเมริกา)

เมื่อวัคซีน 1 โดส มีค่าเท่ากับ กระสุน 1 นัด ไต้หวัน คือประเทศแรกที่ได้รับข้อเสนอขายอาวุธจากสหรัฐ หลังจากได้วัคซีนไฟเซอร์ล็อตแรกของสหรัฐไป ซึ่งไต้หวันก็ส่งสัญญาณตอบรับข้อเสนอจัดซื้ออาวุธจากสหรัฐทันที และหลังจากนั้นไม่นานพวกเขาก็ได้วัคซีนไฟเซอร์เพิ่มอีกราว 2 ล้านโดสในเวลาต่อมา ได้ทั้งอาวุธมาสู้กับจีนแถมได้วัคซีนมาฉีดให้ประชาชนเป็นใครจะไม่เอา
มองกลับมาที่ประเทศไทยเราเองก็ดูคล้ายกับไต้หวัน หลังจากที่ได้รับข้อเสนอบริจาควัคซีนไฟเซอร์ 1.5 ล้านโดสแล้ว เราก็จัดซื้ออาวุธเป็นจรวดต่อต้านรถถังมาใช้งาน และล่าสุดสหรัฐอเมริกาก็ส่งสัญญาณมาว่าจะช่วยเหลือประเทศไทย 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ พร้อมวัคซีนไฟเซอร์อีก 1 ล้านโดส กลายเป็นแพคเกจซื้ออาวุธแถมวัคซีนไปเสียอย่างนั้น ถึงแม้ก่อนหน้านี้สถานทูตสหรัฐอเมริกาจะออกมาประกาศว่าไม่มีความเกี่ยวข้องกันก็ตาม แต่สุดท้ายผมกลับมองว่านี่คือการซื้อใจกัน เมื่อเรามอบสิ่งที่เพื่อนต้องการมากที่สุด เขาย่อมตอบแทนด้วยการอุดหนุนสิ่งที่เรามีกลับมาเสมอ
ขณะเดียวกันทางญี่ปุ่นประเทศพันธมิตรของสหรัฐ และกำลังมีข้อพิพาททางทะเลกับจีน ก็ส่งวัคซีนแอสตร้าให้กับไทย พร้อมๆ กับอังกฤษบริจาคแอสตร้าให้กับไทยในเวลาไล่เลี่ยกัน คล้ายกับบอกไทยที่พยายามวางตัวเป็นกลางมาตลอดว่า เราเป็นเพื่อนกันนะ พร้อมส่งรอยยิ้มอ่อนๆ กับกระพริบตาปริบๆ 3 ครั้ง เป็นการส่งสัญญาณบอกอะไรบางอย่างกับไทย
จากนั้นไม่นานอังกฤษก็ส่งทัพเรือเข้าร่วมซ้อมรบกับประเทศไทย ก่อนจะเดินเรือไปทะเลจีนใต้ ตามด้วยกองเรือรบของ เยอรมัน อินเดีย และล่าสุดฟิลิปปินส์ ยอมให้สหรัฐตั้งฐานทัพ เพื่อแลกกับการบริจาควัคซีน ไฟเซอร์และโมเดอร์น่า ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลา 3 สัปดาห์ที่ผ่านมาอย่างมีนัยยะสำคัญว่า อยากเชิญชวนให้ไทยเข้าร่วมการซ้อมรบใหญ่ครั้งนี้ ในฐานะประเทศประชาธิปไตยและเป็นพันธมิตรของสหรัฐอเมริกา
ที่ผ่านมาไทยได้เริ่มเอนเอียงไปทางรัสเซียและจีนมากขึ้น จากการจัดซื้ออาวุธนอกกลุ่มนาโต้เข้ามาใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นเรือดำน้ำ และรถถังจากประเทศจีน ยิ่งทำให้สหรัฐอเมริกานิ่งนอนใจในเรื่องนี้ไม่ได้ ต้องเริ่มสานความสัมพันธ์กับรัฐบาลไทย ไม่ให้เอนเอียงไปทางประเทศจีนและรัสเซียมากกว่านี้ เพราะที่ผ่านมาหลังการทำรัฐประหารปี 2557 ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสหรัฐก็เริ่มถดถอยลงในหลายด้าน มีการตัดงบให้ความช่วยเหลือหลายอย่าง จนไทยต้องหันหน้าพึ่งพาประเทศจีนและรัสเซียมากขึ้น
อีกทั้งประเทศไทยยังเป็นหนึ่งในจุดยุทธศาสตร์สำคัญของภูมิภาค ที่สหรัฐต้องการตั้งฐานทัพสำหรับต่อต้านประเทศจีนมาโดยตลอด จึงไม่แปลกใจว่า เมื่อสหรัฐต้องการกดดันจีนในภูมิภาคนี้ ต้องหาพันธมิตรที่ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย และมีศักยภาพพอที่จะให้ความช่วยเหลือกันและกันได้ และหนึ่งในนั้นก็คือประเทศไทย
จุดยุทธศาสตร์สุดท้ายที่จะปิดล้อมประเทศจีนโดยสมบูรณ์ เพราะตอนนี้สหรัฐได้บรรลุข้อตกลงตั้งฐานทัพที่ประเทศฟิลิปปินส์ เพื่อคุมพื้นที่บริเวณทะเลจีนใต้ได้สะดวกมากขึ้น ในขณะที่บริเวณเหนือขึ้นไปจากฟิลิปปินส์ ยังมีเกาะไต้หวันที่อยู่ข้างสหรัฐอเมริกาอยากแยกตัวออกมาเต็มที เหนือขึ้นไปอีกยังมีฐานทัพสหรัฐบนเกาะโอกินาว่า ประเทศญี่ปุ่น และใกล้กันยังมีเกาหลีใต้ เป็นปราการที่ต้องรับมือทั้งประเทศจีนและเกาหลีเหนือ
มองทางด้านตะวันตกของจีนคือประเทศอินเดีย และกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง ซึ่งประเทศจีนไม่อยากจะเข้าไปข้องเกี่ยวมากนัก ส่วนตอนเหนือของจีนคือรัสเซียที่พึ่งพากันมาโดยตลอดและสหรัฐก็ทำอะไรไม่ได้มาก จึงเหลือทางตอนใต้ของประเทศจีนที่ต้องวางหมากอีก 1 ตัวเพื่อปิดลมหายใจอีก 1 ช่องบนกระดานหมากล้อมประเทศจีน เพื่อทำให้เส้นทางการค้าและเส้นทางเดินเรือของจีนถูกบีบให้แคบลง
จึงเป็นเหตุผลที่สหรัฐยอมทำทุกทาง ไม่ว่าจะเป็นแพ็คเกจขายอาวุธ และการบริจาควัคซีนอีกหลายล้านโดส เพื่อจะดึงประเทศไทยเข้าร่วมในศึกกดดันประเทศจีนครั้งนี้ให้ได้ แม้ในใจลึกๆ จะไม่ชอบรัฐบาลทหารของไทยมากนัก