สวนศิลป์เตาออนใต้
เรียน รู้ รักษ์ ศิลปะล้านนากับน้องๆ เยาวชนในสวนศิลป์เตาออนใต้
เสียงดนตรีบรรเลงจาก สะล้อ ซอ ซึง เครื่องดนตรีพื้นบ้านล้านนาและเครื่องประกอบจังหวะอื่นๆ สอดประสานกับเสียงลมจากธรรมชาติสร้างความเพลิดเพลินให้กับผู้ได้รับฟังไม่น้อย และเมื่อได้เข้าไปสัมผัสหรือรับชมอย่างใกล้ชิด ยิ่งสร้างความแปลกใจและประทับใจได้เป็นอย่างมาก กับท่วงท่าลีลาในการบรรเลงทำนองเพลงของกลุ่มเด็กๆ เยาวชน ที่ได้ใช้เวลาว่างร่วมอนุรักษ์สานต่อวัฒนธรรมพื้นบ้านล้านนาและเรียนรู้ศิลปะหลากหลายแขนงใน “สวนศิลป์เตาออนใต้”
“สวนศิลป์เตาออนใต้” โรงเรียนภูมิปัญญาของชาว ต.ออนใต้อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่หนึ่งในต้นแบบโครงการหมู่บ้านอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ (CreativeIndustry Village: CIV) หมู่บ้านแห่งความสมดุลที่นำทุนวัฒนธรรม วิถีชีวิตมาผนวกกับความคิดสร้างสรรค์ และการออกแบบเพื่อสร้างมูลค่าใหม่ของสินค้าที่ระลึกเพื่อการท่องเที่ยว และบริการเพื่อให้เกิดมูลค่าใหม่ทางเศรษฐกิจบนแนวคิดอุตสาหกรรมสร้างสรรค์มุ่งเน้นการสร้างรากฐานชุมชนให้แกร่งจาก “ข้างใน”เป็นการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับชุมชนเพื่อรองรับการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการตามยุทธศาสตร์ประเทศไทย 4.0นายอนันต์ พรหมลิขิตศิลป์ หรือ “ครูอนันต์” ของเด็กๆ
ในชุมชนออนใต้ ครูภูมิปัญญาที่รอบรู้ทั้งด้านศิลปะ วัฒนธรรมและร้อยเรื่องเล่าของชาวออนใต้ ผู้ที่เปิดบ้านให้เด็กๆที่มีความสนใจในด้านศิลปะ ได้มาเรียนปั้นดิน วาดภาพรวมถึงการแสดงดนตรีพื้นบ้านทั้ง สะล้อ ซอ ซึง กลองสะบัดชัยและฟ้อนประเภทต่างๆ“การอยากตอบแทนบ้านเกิดหลังวัยเกษียณ เป็นจุดกำเนิดของ“สวนศิลป์เตาออนใต้” แห่งนี้ จุดเริ่มต้นเล็กๆจากความชอบและความถนัดในศิลปะแขนงต่างๆของตัวผมบวกกับความสนใจของเด็กๆในชุมชน ที่แวะเวียนมาเที่ยวเล่นกันอยู่เสมอจึงชักชวนพวกเขามาทำกิจกรรมร่วมกัน โดยทุกๆกิจกรรมจะสอดแทรกภูมิปัญญา ศิลปวัฒนธรรม ความเป็นชุมชนลงไปเพราะการกลับไปสู่การเรียนรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่นของเยาวชนจะก่อให้เกิดความเข้าใจ ในตนเอง ชุมชน สังคม วัฒนธรรมมากขึ้นความรักและหวงแหนในสิ่งเหล่านี้ก็จะเพิ่มมากขึ้น เริ่มต้นจากการสอนให้ขีดเขียน วาดลวดลาย แล้วจึงเพิ่มในส่วนของงานปั้น ดนตรี การแสดงพื้นเมืองสะล้อ ซอ ซึง กลองสะบัดชัย การฟ้อนดาบ ฟ้อนเล็บ รวมถึงห้องสมุดบ้านดินให้เด็กๆ หรือชาวบ้านทั่วไปได้แวะเวียนมาอ่านหนังสือ
ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ ฝึกสมาธิ ความคิดสร้างสรรค์และสร้างภูมิคุ้มกันให้กับพวกเขา ไม่ให้ถูกดึงไปอยู่ในวงล้อมของอบายมุขเป็นการแทรกซึมเข้าไปในกลุ่มเด็กๆ และชาวบ้านทีละนิดๆให้พวกเขาได้ตระหนักเห็นคุณค่าของศิลปะและวัฒนธรรมท้องถิ่นมรดกล้ำค่าของชุมชนที่ส่งต่อกันมาจากรุ่นบรรพบุรุษ
ซึ่งพวกเขาจะต้องเป็นผู้สืบทอดมรดกเหล่านี้ต่อไปอาจจะต้องใช้ระยะเวลานานสักนิด แต่ผลลัพธ์ของมันคุ้มค่าครับ” ครูอนันต์กล่าว
“สวนศิลป์เตาออนใต้” จุดนัดพบในยามว่างบ้านหลังที่สองของเด็กๆในชุมชน ที่ถูกดัดแปลงจากบ้านพักอาศัยเป็นโรงเรียนสอนงานศิลป์ มีการจัดสรรพื้นที่เป็นโซนต่างๆอย่างลงตัวทั้งโซนห้องสมุดบ้านดิน ลานดนตรี ลานศิลปะ มีบริเวณกว้างขวางโอบล้อมไว้ด้วยธรรมชาติ ให้ความรู้สึกผ่อนคลายสร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะให้เหล่าสมาชิกตัวน้อยได้เป็นอย่างดี
เราได้มีโอกาสพูดคุยกับสมาชิกตัวน้อย ด.ช.ภานุพงศ์ รากตา หรือน้องโต๋ อายุ 9 ปี กำลังศึกษาอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนวัดบ้านโห้งมือฉาบลูกเล่นแพรวพราว ที่ไม่เพียงแค่ตีฉาบเคาะจังหวะให้เพื่อนร่วมวงเท่านั้น แต่น้องโต๋ยังโชว์ลีลาประกอบการตีได้อย่างน่าประทับใจน้องโต๋เล่าให้ฟังว่า“ผมมาเรียนศิลปะที่สวนศิลป์ เพราะชอบศิลปะครับเริ่มต้นจากนั่งวาดภาพ ปั้นดิน และดูพี่ๆเขาเล่นดนตรีกัน คอยสังเกตและจดจำวิธีการเล่นของพี่ๆ นอกเหนือจากที่ครูสอนจนตอนนี้ผมสามารถเล่นเครื่องดนตรีได้หลายชนิดแล้วแต่ที่ชอบและเล่นได้ดีที่สุดคือ ฉาบ และตะโพน ส่วนลีลาการตีฉาบจะฝึกฝนตามคลิปวีดีโอ ทั้งการโชว์ของชนเผ่า การเชิดสิงโตการละเล่นพื้นเมืองของที่อื่นๆ ที่ครูนำมาให้ดู แล้วนำมาดัดแปลง เล่นบ่อยๆฝึกบ่อยๆ จนกลายเป็นท่าทางการตีฉาบประจำตัวไปเลยทำให้รู้สึกสนุกและมีความสุขทุกครั้งที่ได้เล่นดนตรีสิ่งที่ภูมิใจคือการที่เราสามารถจดจำโน้ตเพลง จังหวะเพลงใหม่ๆ ได้และที่สำคัญคือครูที่โรงเรียนบอกว่าเวลาเรียนผมมีสมาธิและตั้งใจเรียนมากขึ้น และก็ซนน้อยลงด้วยครับ (หัวเราะ) ”
ด้านสาวน้อยมือสะล้อ น้องกล้วย – ด.ญ.ณัฏฐธิดา นาระต๊ะ อายุ 10 ปีกำลังศึกษาอยู่ชั้นประถมศึกษา ปีที่ 4 โรงเรียนวัดบ้างโห้งเจ้าของเสียงสะล้อหวาน ไพเราะ ตามแบบฉบับสาวเหนือ เล่าว่า“หนูมาเรียนที่สวนศิลป์ได้ประมาณ 1 ปี แล้วค่ะเมื่อก่อนจะเป็นเด็กที่ใจร้อน และอารมณ์เสียง่ายมาก มักโดนเพื่อนๆ พี่ๆแกล้งอยู่บ่อยๆ หนูก็ไม่ยอม จึงเกิดการทะเลาะ ถกเถียงกันเป็นประจำครูอนันต์เลยชวนหนูมาวาดภาพ ปั้นดิน และเล่นดนตรีค่ะในช่วงแรกเวลาวาดภาพ ก็จะลบเส้นที่วาดจนกระดาษขาดเวลาปั้นดินไม่ถูกใจก็จะทุบทิ้งแล้วปั้นใหม่ต้องใช้เวลานานมากกว่าจะวาดหรือปั้นเสร็จสักอย่าง เล่นสะล้อก็จำโน้ตเพลงไม่ได้ เล่นไม่ตรงจังหวะกับคนอื่นๆ ครูต้องเข้ามาช่วยคอยแนะนำ ให้กำลังใจ บอกให้หนูใจเย็นๆ มีสมาธิ และตั้งใจทำไม่ว่าผลจะออกมาเป็นยังไงหนูก็ทำดีที่สุดแล้ว เราต้องภูมิใจในตัวเองทำให้ตอนนี้หนูใจเย็นมาก เพื่อนแกล้งมาก็ไม่ค่อยโกรธเวลาวาดภาพก็ลบเส้นน้อยลง ไม่ต้องทุบดินมาปั้นใหม่บ่อยๆและสามารถวาดลวดลายลงบนดินปั้นเหมือนที่คุณป้าคุณยายวาดลงบนเครื่องปั้นดินเผาได้ ส่วนสะล้อหนูก็เล่นได้เก่งขึ้นได้ไปโชว์ตามงานต่างๆ ทำให้เป็นคนที่รักที่จะแสดงออกต่อหน้าคนเยอะๆไม่ต้องอายเหมือนเมื่อก่อนค่ะ” น้องกล้วย เล่าอย่างภาคภูมิใจปิดท้ายกันที่
น้องก๊อต – ด.ช.สิทธิชัย นาระต๊ะ อายุ 11 ปีกำลังศึกษาอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนวัดบ้านโห้งละอ่อนน้อยผู้มีใจรักในงานศิลป์เล่าให้ฟังว่า“ผมชอบงานศิลปะทุกชนิดครับ โดยเฉพาะดนตรีเพราะดนตรีทำให้ทุกคนยิ้มได้ และทำให้มีสมาธิมากขึ้นด้วยเครื่องดนตรีชิ้นแรกที่ผมเริ่มต้นเล่น คือ กลองสะบัดชัย และค่อยๆฝึกฝนเล่นเครื่องดนตรีชนิดอื่นๆ เช่น สะล้อ ซอ แต่ที่ถนัดที่สุด คือ ซึง ครับผมชอบเล่นซึงให้แม่ ครู และเพื่อนๆ น้องๆ ฟังเพราะในปัจจุบันหาเพลงซึงฟังได้ยากแล้ว เพื่อนๆ พี่ๆต่างให้ความสนใจกับเครื่องดนตรีสากลกันมากกว่าทำให้คนเล่นเครื่องดนตรีพื้นบ้านลดน้อยลงคนรู้จักเครื่องดนตรีเหล่านี้ก็ลดน้อยลงด้วย ครูอนันต์จึงสอนพวกผมและตั้งเป็นวงดนตรีพื้นบ้าน สวนศิลป์เตาออนใต้ ขึ้นมาเพื่อช่วยกันถ่ายทอดสิ่งเหล่านี้ ผ่านการแสดงโชว์ต่างๆให้คนทั่วไปได้รับรู้ครับ นอกจากเล่นดนตรีแล้วผมชอบปั้นดินหรือวาดภาพตามจินตนาการเป็นการถ่ายทอดความคิดของผมออกมาในรูปของผลงานสามารถเก็บไว้ดูได้ด้วยครับ ซึ่งการเรียนรู้ในสวนศิลป์กับครูอนันต์นอกจากจะเป็นการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ สร้างความสุขสนุกสนานให้กับพวกเราทุกคนแล้วยังเป็นการอนุรักษ์ศิลปะพื้นบ้านของชุมชนออนใต้ของพวกเราไว้ด้วยครับ”น้องก๊อต กล่าว
ก่อนจากลา “ครูอนันต์” ได้ฝากทิ้งท้ายพร้อมทั้งเชิญชวนทุกคนมาเยี่ยมเยือนหมู่บ้านออนใต้ แห่งนี้กันมากๆ“สำหรับเด็กๆ ทุกคนที่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในสวนศิลป์เตาออนใต้พวกเขาล้วนมีความชอบ และความสนใจในศิลปะแขนงต่างๆ อยู่แล้วเพียงแต่ยังขาดโอกาสที่จะฝึกฝนหรือพัฒนาต่อยอด ผมเพียงแค่ยื่นมือเข้าไปช่วยติดอาวุธและส่งเสริมในสิ่งที่ผมสามารถจะช่วยได้ด้วยหวังเพียงให้ศิลปะเหล่านี้ช่วยกล่อมเกลาจิตใจให้พวกเขาเป็นเด็กที่มีจิตใจดี เป็นหลักให้พวกเขาได้ยึดเหนี่ยวในวันที่เจอปัญหา และเป็นเข็มทิศนำทางพาพวกเขาเดินออกจากทุกๆ เรื่องราวบั่นทอนจิตใจเพื่อพวกเขาจะได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีในอนาคตขอเชิญชวนทุกๆ ท่านได้มาเยี่ยมเยือนและชมความสามารถของเยาวชนบ้านออนใต้ของเรากันนะครับนอกจากสวนศิลป์เตาออนใต้ แล้ว ชุมชนออนใต้ อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ยังได้รับการขนานนามว่าเป็นเมืองเก่าที่มีตำนานมากมายทำนอง“ร้อยเรื่องเล่า” และยังรักษาวิถีชีวิตพื้นบ้านแบบ “บ้านจุ้ม เมืองเย็น”รับรองว่าทุกท่านที่ชื่นชอบการท่องเที่ยววิถีชุมชนทุกท่านจะต้องประทับใจอย่างแน่นอนครับ”
สำหรับผู้ที่สนใจ หรือชื่นชอบเส้นทางท่องเที่ยววิถีชุมชนสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ประสานงานการท่องเที่ยววิถึชุมชนออนใต้ ต.ออนใต้ อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ โทร 099 485 9559 และ 093 130 7157