จับตาเทรนด์อสังหาฯ
จับตาเทรนด์อสังหาฯ – จุดเปลี่ยนดีมานด์ที่อยู่อาศัยของผู้บริโภคไทย
ผลสำรวจพบแนวโน้มความต้องการอสังหาริมทรัพย์ของผู้บริโภคในประเทศไทยเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง หลังผู้บริโภคเริ่มแสดงความจำนงในการซื้อบ้าน-คอนโดฯ ที่เหมาะสมกับผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตอบรับสังคมผู้สูงอายุเต็มรูปแบบของประเทศ
โดยอสังหาฯ ที่จะได้รับอานิสงส์จากแนวโน้มความต้องการที่เพิ่มขึ้นนี้ ได้แก่ โครงการที่มีสิ่งอำนวยความสะดวก และ สภาพแวดล้อมที่เป็นมิตรกับผู้สูงอายุทั้งในปัจจุบันและในอนาคต
ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ เว็บไซต์สื่อกลางอสังหาริมทรัพย์อันดับ 1 ของไทย สังเกตเห็นถึงศักยภาพการเติบโตของที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุจากผลสำรวจความคิดเห็นของผู้บริโภคต่อสภาพตลาดอสังหาริมทรัพย โดยในผลสำรวจช่วงครึ่งปีหลังของปี 2559 และช่วงครึ่งปีแรกของปี 2560 ผู้บริโภคเริ่มให้ความสำคัญต่อที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุหรือเพื่อรองรับวัยเกษียณของตนเองในอนาคตเพิ่มมากขึ้นถึงร้อยละ 5 โดยดีดีพร็อพเพอร์ตี้คาดการณ์ว่าแนวโน้มดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นอีกอย่างน้อยร้อยละ 5 ในการสำรวจรอบต่อไป
“จากที่ได้ทำการสำรวจความคิดเห็นของผู้บริโภคในทุกๆ 6 เดือน เราเชื่อว่าแนวโน้มความต้องการที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุจะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือเป็นโอกาสอันดีของบรรดาผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์” นางกมลภัทร แสวงกิจ ผู้จัดการใหญ่ประจำประเทศไทยของ ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ ในเครือพร็อพเพอร์ตี้กูรู กรุ๊ป กล่าว “ที่ผ่านมา เราเริ่มเห็นดีเวลลอปเปอร์บางรายเริ่มเบนเข็มการพัฒนาสินค้าเพื่อตอบโจทย์ความต้องการดังกล่าวนี้แล้ว ซึ่งทางดีดีพร็อพเพอร์ตี้มองว่า นี่จะกลายเป็นเทรนด์สำคัญของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย และเราได้เฝ้าติดตามสถานการณ์นี้อย่างใกล้ชิด”
ทั้งนี้ ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นถือว่าสอดคล้องกับเทรนด์โลก ที่เริ่มมีผู้ให้ความสนใจกับที่อยู่อาศัยที่พัฒนาเพื่อตอบสนองความต้องการและความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตของผู้สูงอายุ ซึ่งโครงการส่วนใหญ่จะพัฒนาโดยเอกชน ใกล้เคียงกับสถานการณ์ในบ้านเรา
จากข้อมูลของธนาคารโลก ณ ปี 2559 ระบุว่า ร้อยละ 11 ของประชากรในประเทศไทยมีอายุ 65 ปีขึ้นไปจากที่เมื่อปี 2538 หรือ 21 ปีก่อนมีอยู่เพียงร้อยละ 5 เท่านั้น และจากการคาดการณ์ของธนาคารโลกในปี 2583 ประชากรไทยกว่า 17 ล้านคนหรือมากกว่าหนึ่งในสี่ของประชากรทั้งหมดจะมีอายุมากกว่า 65 ปี
ความเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรม ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สนับสนุนเทรนด์ดังกล่าว จากแต่เดิมที่คนไทยมักจะอยู่อาศัยกันเป็นครอบครัวใหญ่ ที่มีทั้งพ่อ-แม่และปู่-ย่า-ตา-ยาย และลูกหลานจะต้องดูแลผู้ใหญ่ในบ้านยามแก่เฒ่า แต่ในปัจจุบันรูปแบบสังคมมีการเปลี่ยนแปลง รวมทั้งคนไทยและคนในภูมิภาคอาเซียนเริ่มมีมุมมองที่เปิดกว้างในเรื่องที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุมากขึ้น
นอกจากนี้ จำนวนชาวต่างชาติวัยเกษียณ อาทิ ชาวญี่ปุ่น ชาวจีน และ ชาวยุโรป ที่มองหาที่อยู่อาศัยในประเทศไทย ก็มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน ประเทศไทยนั้นมีข้อได้เปรียบมากมายเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น บริการทางสุขภาพที่ได้มาตรฐานระดับโลก ราคาที่อยู่อาศัยที่ยังถือว่าถูกกว่าประเทศอื่นๆ วัฒนธรรมที่เป็นมิตร ภูมิอากาศเขตร้อนที่ไม่หนาวเกินไป รวมไปถึงการขอวีซ่าสำหรับวัยเกษียณที่มีขั้นตอนไม่ยุ่งยาก
ในช่วงที่ผ่านมา มีโครงการที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุหรือเป็นโครงการที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของผู้สูงอายุทยอยเปิดตัวหลายแห่ง อาทิ จ.ปทุมธานี, อ.บางเสร่ จ.ชลบุรี, เกาะสมุย, จ.เชียงใหม่ และ จ.ภูเก็ต และยังมีอีกหลายโครงการที่เตรียมจะเปิดตัวอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ทางคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติร่างพระราชบัญญัติผู้สูงอายุ (ฉบับที่…) พ.ศ…. เพื่อรองรับการดำเนินมาตรการให้เงินช่วยเหลือเพื่อการยังชีพแก่ผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อย เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งงบประมาณจะมาจากกองทุนผู้สูงอายุ
“จำนวนประชากรผู้สูงอายุในประเทศไทยที่เพิ่มขึ้นอย่างมากรวมไปถึงสภาพสังคมที่เปลี่ยนแปลง และความต้องการด้านที่อยู่อาศัยของผู้สูงอายุที่เพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้แนวโน้มการพัฒนาโครงการอสังหาฯ ในไทยต่อจากนี้ไปจะมุ่งตอบโจทย์ความต้องการดังกล่าวมากยิ่งขึ้น เราคาดว่าในอีก 20 ปีข้างหน้าดีมานด์ในที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุจะมากถึง 80,000 ยูนิต” นางกมลภัทร กล่าวสรุป