เยาวชนพิทักษ์สายน้ำ
เพราะเยาวชนเป็นกลุ่มสำคัญในการเป็นแรงผลักดันและผู้สืบทอดเจตนารมณ์อันยิ่งใหญ่ในการรักษาทรัพยากรธรรมชาติ รวมถึงยังเป็นวัยแห่งการเรียนรู้ที่จะเป็นผู้ใหญ่ที่ดีในอนาคตข้างหน้า จึงต้องเข้าใจถึงวิธีบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่อย่างยั่งยืนในอนาคต ด้วยเหตุนี้ ผลิตภัณฑ์น้ำดื่มเนสท์เล่ เพียวไลฟ์ ร่วมมือกับ WWF ประเทศไทย จัดโครงการ “เยาวชนพิทักษ์สายน้ำ” ขึ้นเป็นปีที่ 3 เพื่อปลูกจิตสำนึกและสร้างการมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมให้แก่เยาวชนคนรุ่นใหม่ ด้วยการให้ความรู้ความเข้าใจแก่นักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้นในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาในเรื่องการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำจนสามารถนำความรู้ที่ได้ไปปฏิบัติจริงในการพัฒนาคุณภาพน้ำบริเวณแหล่งน้ำรอบโรงเรียน
ตลอดระยะ 3 ปีของการดำเนินโครงการ “เยาวชนพิทักษ์สายน้ำ” ซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่พ.ศ. 2558 โรงเรียนสาคลีวิทยา ได้รับเลือกให้เป็นโรงเรียนต้นแบบจากความร่วมมือของเครือข่ายที่เข้มแข็ง ซึ่งมีผลงานที่โดดเด่นทั้งการเปลี่ยนคุณภาพแหล่งน้ำรอบโรงเรียนจากน้ำเสียเป็นน้ำใส จากเดิมที่ระดับออกซิเจนละลายน้ำเหลือ 0 มิลลิกรัมต่อลิตร กลายเป็นมีออกซิเจนละลายน้ำถึง 8 มิลลิกรัมต่อลิตร โดยใช้เวลาเพียงแค่ 4 เดือน (ซึ่งค่าออกซิเจนละลายน้ำที่สิ่งมีชีวิตสามารถอยู่อาศัยได้คือ 3 มิลลิกรัมต่อลิตร) จนต่อยอดไปเป็นโรงเรียนต้นแบบให้กับโรงเรียนอีกหลายแห่งในพื้นที่ รวมถึงชุมชนรอบข้าง นอกจากนี้ยังพัฒนาพื้นที่โรงเรียนกว่า 33 ไร่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด 5 จุด ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องจากการบำบัดน้ำเสียให้กลายเป็นน้ำสะอาด ประกอบด้วยกระชังปลาและกระชังกุ้งฝอย กระชังหอยขม โรงเพาะเห็ด บ่อสายบัว และบ่อแพผัก จนสามารถนำผลผลิตที่ได้มาประกอบอาหารให้เด็กนักเรียนทั้งโรงเรียนได้รับประทานเป็นอาหารกลางวัน รวมถึงนำไปขายสร้างรายได้ให้กับโรงเรียน
นายลูก้า คิโอด้า ผู้อำนวยการบริหารธุรกิจน้ำดื่ม บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “ผลิตภัณฑ์น้ำดื่มเนสท์เล่ เพียวไลฟ์ เล็งเห็นถึงความสำคัญของการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำเนื่องจาก “น้ำ” เป็นต้นกำเนิดของสิ่งมีชีวิตในระบบนิเวศน์และเป็นสิ่งจำเป็นต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ ประกอบกับเรามีวัตถุประสงค์ในการอนุรักษ์น้ำอย่างยั่งยืนเพื่อพิทักษ์น้ำไว้ให้คนรุ่นหลังได้มีน้ำสะอาดใช้อย่างเพียงพอในอนาคต ด้วยเหตุนี้จึงเป็นที่มาของการจัดโครงการ “เยาวชนพิทักษ์สายน้ำ” ด้วยการจับมือกับพันธมิตรอย่าง WWF ประเทศไทย ในการดูแลแหล่งน้ำในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยเริ่มต้นที่โรงเรียนที่ตั้งอยู่รอบโรงงานผลิตภัณฑ์น้ำดื่มเนสท์เล่ เพียวไลฟ์ พร้อมเพิ่มพูนความรู้ในการอนุรักษ์น้ำเพื่อให้เยาวชนได้เห็นคุณค่าและความสำคัญของแหล่งน้ำธรรมชาติที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตที่ไม่ได้เพียงแค่สร้างความเข้าใจ แต่ยังต้องมั่นใจได้ว่าเยาวชนเหล่านี้จะรู้ถึงวิธีการปกป้องแหล่งน้ำเพื่อให้มีน้ำสะอาดและเป็นกลุ่มพลังสำคัญในการดูแลแหล่งน้ำเพื่อให้ประเทศไทยมีน้ำใช้ต่อไปในอนาคต โดยโครงการนี้สามารถนำความรู้ไปพัฒนาคุณภาพแหล่งน้ำรอบโรงเรียนได้แล้วกว่า 17 โรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการ”
นายนพรัตน์ เนื่องจำนงค์ ผู้จัดการฝ่ายตลาดยั่งยืน WWF ประเทศไทย กล่าวว่า “WWF มีความยินดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ “เยาวชนพิทักษ์สายน้ำ” และมีเป้าหมายเดียวกันกับผลิตภัณฑ์น้ำดื่มเนสท์เล่ เพียวไลฟ์ในการอนุรักษ์แหล่งน้ำเพื่อคนรุ่นใหม่ในอนาคต เราตระหนักว่าแหล่งน้ำเป็นสิ่งสำคัญและเป็นความต้องการพื้นฐานของสิ่งมีชีวิตทุกชีวิต เราจึงรู้สึกดีใจที่ตลอด 3 ปีที่ผ่านมาได้ช่วยให้เยาวชนไทยเข้าใจถึงหน้าที่ในการอนุรักษ์น้ำเพื่อตัวเองและชุมชนของพวกเขา ในขณะที่ก็ยังช่วยปกป้องสิ่งแวดล้อมและธรรมชาติเพื่อคนรุ่นต่อไปในอนาคตอีกด้วย”
นางสาวสุนิสา บุญมาก หรือน้องหงา ชั้นม.5/1 โรงเรียนสาคลีวิทยา หนึ่งในแกนนำโครงการฯ รุ่นที่ 1 เล่าว่า “ตอนแรกหนูไม่ได้สนใจสภาพแวดล้อมของโรงเรียนเลย ต้นไม้ขึ้นรกไปหมดจนชินตา ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าโรงเรียนมีคลองด้วย จนพอไปเข้าค่ายเยาวชนพิทักษ์สายน้ำได้รับแรงบันดาลใจและความรู้มามากมาย จึงหันกลับมาดูสภาพน้ำภายในโรงเรียนก็คิดว่าถึงเวลาแล้วล่ะที่จะมาพัฒนาคูคลองรอบโรงเรียน ก็เริ่มจากการตัดต้นไม้ เอาจอกแหนและวัชพืชที่เป็นศัตรูกับน้ำออก เอารถแบคโฮมาตักขยะขึ้น ลอกคลองขี้ดินและขี้โคลนออกเพื่อขยายพื้นที่คลองให้กว้างขึ้น และสูบน้ำจากข้างนอกเข้ามา หลังจากนั้นก็เริ่มทำแพผัก รุ่นแรกจะปลูกผักปอด เพื่อช่วยเพิ่มออกซิเจนในน้ำได้ดี จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นผักบุ้งและผักกระเฉด เพราะสามารถนำไปบริโภคได้ด้วย พอน้ำเริ่มสะอาดก็เริ่มเอาปลาหัวอ่อน เช่น ปลานิล ปลาตะเพียน มาลง เพราะปลาพวกนี้จะช่วยวัดค่าน้ำได้ ถ้าออกซิเจนในน้ำน้อย หัวปลาจะลอยขึ้นเพื่อรับอากาศ พวกเราก็เพิ่มน้ำพุในบ่อ เพื่อช่วยเพิ่มออกซิเจนอีกทางหนึ่ง จากนั้นสายบัวจะขึ้นเองตามธรรมชาติ จริงๆ ในคลองมีรากบัวอยู่แล้วแต่มันสกปรกมากจนเรามองไม่เห็น พวกเราเริ่มทำโครงการเยาวชนพิทักษ์สายน้ำ ตั้งแต่ม.3 จนตอนนี้ม.5 แล้ว โครงการประสบความสำเร็จอย่างมาก จากคนตัวเล็กคนหนึ่ง ก็ภูมิใจมากๆ ที่ทำให้โรงเรียนเราน่าอยู่ขึ้น สะอาดขึ้น ไม่เคยคิดเลยว่าจุดเริ่มต้นจากนักเรียนแค่สามคนกับอาจารย์ไม่กี่ท่าน จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้มากมายขนาดนี้ค่ะ”
นางสาวอารียา ประเสริฐสุข หรือน้องออม ชั้นม.5/1 โรงเรียนสาคลีวิทยา เล่าว่า “หนูเป็นหนึ่งในแกนนำ ช่วงแรกเราเริ่มจากการพูดคุย ประชาสัมพันธ์กับเพื่อนๆ ในห้องก่อน แล้วค่อยขยายไปชวนพี่น้องในโรงเรียนมาช่วยกันทำ ไม่ใช่แค่การประชาสัมพันธ์เพียงอย่างเดียว แต่พวกเราก็ร่วมลงมือทำกับทุกคนด้วย ตอนแรกไม่มีใครช่วยทำ ไม่เห็นความสำคัญของการอนุรักษ์น้ำ มันเป็นครั้งแรกก็ต้องเกิดปัญหาขึ้นเป็นธรรมดา แต่พวกเราไม่ท้อ ประกอบกับพวกเราไม่อยากให้เป็นการสั่ง แต่อยากให้ทุกคนมีจิตสำนึกด้วยตัวเองมากกว่า เราก็เลยใช้การประชาสัมพันธ์บ่อยๆ ด้วยการพูดถึงความสำคัญของการอนุรักษ์น้ำ และคุณครูก็ช่วยพูดด้วยในแต่ละคาบ สอดแทรกเข้าไปทุกวัน สุดท้ายแล้วพอพวกเขาเห็นในสิ่งที่เราทำว่ามันส่งผลดีกับโรงเรียนและตัวเราเองอย่างไร ทุกคนก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีมากๆ เลยค่ะ นอกจากโรงเรียนที่สะอาดขึ้นแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ได้รับคือ การเปลี่ยนแปลงตัวเอง จากคนที่ขี้อาย พูดไม่ค่อยเก่ง โครงการนี้ทำให้เรามีความกล้า มีภาวะผู้นำ ความมั่นใจ และมีความรับผิดชอบ ดีใจมากๆ ที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการนี้ และกลายเป็นโรงเรียนนำร่องที่จะช่วยเผยแพร่ความรู้ให้กับโรงเรียนอื่นๆ อีก ร่วมถึงเผยแพร่ให้กับชุมชนใกล้เคียงอีกด้วย”
นางสาวปนัดดา กามาตย์ หรือน้องเต๊าะ ชั้นม.5/1 โรงเรียนสาคลีวิทยา เล่าว่า “สิ่งที่ได้เรียนรู้จากโครงการเยาวชนพิทักษ์สายน้ำที่สำคัญที่สุดคือ การปลูกจิตสำนึกในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เรามีจิตสำนึกมากขึ้น รู้สึกว่าตัวเองเปลี่ยนแปลงไปมาก แต่ก่อนเห็นคนทิ้งขยะก็ไม่รู้สึกอะไร แต่ตอนนี้เห็นขยะแล้วต้องเก็บขึ้น เป็นไปโดยอัตโนมัติ มันไม่ใช่แค่เรื่องการอนุรักษ์น้ำอย่างเดียว แต่ยังรวมไปถึงการรักษาความสะอาดสิ่งแวดล้อมอย่างอื่นด้วยกันทั้งหมด เรารู้ว่าสภาพน้ำประเภทนี้ ดีหรือไม่ดี แล้วเราควรจะทำอย่างไร จะปรับอย่างไรให้มันดีขึ้น และได้นำความรู้ไปบอกต่อที่บ้าน หน้าบ้านหนูเป็นคลองแล้วมีผักตบชวาขึ้นเยอะ หนูก็ชวนคุณลุงไปเก็บผักตบชวาขึ้นมาจากน้ำ แล้วนำเอาไปเลี้ยงสัตว์ก็ได้ กว่าโครงการเยาวชนพิทักษ์สายน้ำจะประสบความสำเร็จได้ขนาดนี้ ไม่ใช่แค่พวกเราสามคน ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกๆ คน เริ่มจากสามคนเป็นสิบคน กลายเป็นทั้งห้อง ทั้งโรงเรียน ที่แบ่งเขตรับผิดชอบให้แต่ละชั้นเรียน ตั้งแต่ม.1-ม.6 ซึ่งแต่ละชั้นก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี สมาคมศิษย์เก่า รวมไปถึงชุมชนรอบข้าง และอบต. ที่ช่วยเอารถแบคโฮมาขุดลอกคลอง ซึ่งพวกเราก็วางแผนส่งต่อความรู้และประสบการณ์ให้น้องๆ ในโรงเรียนโดยการส่งน้องๆ ไปเข้าค่ายอบรมแทน ให้น้องไปเรียนรู้และค้นหาประสบการณ์ใหม่ๆ ค่ะ”
นางสาวนันท์ภสร อ่อนสุวรรณ์ หรือคุณครูแขก คุณครูที่ปรึกษาโครงการเยาวชนพิทักษ์สายน้ำ โรงเรียนสาคลีวิทยา กล่าวว่า “ครูรู้สึกภูมิใจมากค่ะที่นักเรียนทำสำเร็จ เพราะได้พลังจากนักเรียนและคณะผู้บริหารโรงเรียน ผู้บริหารยอมรับและสนับสนุนโครงการเยาวชนพิทักษ์สายน้ำอย่างดีมาตลอด 3 ปี ฝ่ายวิชาการก็ช่วยปรับตารางเรียน ไม่ให้กิจกรรมกระทบกับเวลาเรียน ให้นักเรียนใช้เวลาวันศุกร์ ช่วงบ่ายในการลงพื้นที่อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม อีกทั้งโรงเรียนยึดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงในการทำไร่นาสวนผสม พอมีแหล่งน้ำสะอาดในการทำสวนต่างๆ ทำให้เกิดผลผลิตมากมาย กลายเป็นกิจกรรม 1 ห้องเรียน 1 ผลิตภัณฑ์ ซึ่งเป็นผลต่อเนื่องจากการนำความรู้เกี่ยวกับการอนุรักษ์น้ำมาปรับใช้ในโรงเรียน ช่วงนี้อยู่ในช่วงคงสภาพมาตรฐานของน้ำ ต้องมีการตรวจสอบคุณภาพน้ำอย่างสม่ำเสมอ จากที่เคยออกซิเจนต่ำมากเป็น 0 มีกลิ่นเหม็น ขยะเต็มไปหมด เด็กนักเรียนก็สามัคคีกัน ช่วยกันพัฒนาจนสามารถนำน้ำไปใช้ประโยชน์อื่นๆ ได้มากมาย จนเป็นตัวอย่างต่อชุมชน ทำให้ชุมชนตระหนักว่าการทิ้งขยะลงแม่น้ำลำคลองเป็นมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม ส่งผลต่อทุกสิ่งมีชีวิตไม่ใช่แค่มนุษย์เท่านั้น จึงต้องช่วยกันดูแลรักษาความสะอาดให้กับแหล่งน้ำบริเวณโดยรอบต่อไปค่ะ”
ผลิตภัณฑ์น้ำดื่มเนสท์เล่ เพียวไลฟ์ตั้งเป้าว่าในพ.ศ. 2561 จะขยายโครงการเยาวชนพิทักษ์สายน้ำจากโรงเรียนสู่ระดับชุมชนผ่าน 2 กิจกรรม เริ่มจาก 1) เปิด “ศูนย์การเรียนรู้” ที่โรงเรียนสาคลีวิทยาแห่งนี้ในปีหน้าเพื่อเป็นศูนย์กลางการทำกิจกรรมและให้ความรู้เกี่ยวกับการอนุรักษ์น้ำแก่ประชาชนทั่วไป ซึ่งศูนย์การเรียนรู้แห่งนี้ไม่ใช่แค่เพียงแสดงผลงานของโรงเรียนสาคลีวิทยาที่ชนะการประกวดเท่านั้น แต่จะรวบรวมผลงานของ 17 โรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการด้วย 2) การอนุรักษ์คลองขนมจีน ซึ่งเป็นสายน้ำที่ไหลผ่านอำเภอเสนา และอำเภอลาดบัวหลวง ให้กลับมามีคุณภาพน้ำที่ดีผ่านการทำงานอย่างเป็นเครือข่ายของโรงเรียน ชุมชน และองค์กรส่วนท้องถิ่น ซึ่งการอนุรักษ์คลองขนมจีนจะเป็นอีกหนึ่งโครงการต้นแบบของการอนุรักษ์น้ำในอนาคตอีกด้วย